วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วิจารณ์ The Lake House บ้านทะเลสาบ บ่มรักปาฏิหารย์

The Lake House

 เป็นภาพยนตร์ โรแมนติก ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเอกทั้งสองคน ที่อยู่ในปีคริสต์ศักราชที่แตกต่างกันพระเอกมีชีวิตอยู่ในปี 2004 ส่วนนางเอกมีชีวิตอยู่ในปี 2006 เธอจึงเป็นเหมือนอนาคตของเขา



 การเริ่มต้นของ The Lake House เปิดตัวด้วยละคร นางเอกของเรื่องพบว่ามีชายคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุถูกรถชนเธอรีบวิ่งเข้าไปดูและโทรเรียกรถพยาบาล เธอเป็นแพทย์ของคนไข้ผู้โชคร้ายคนนั้นแม้จะพยายามแล้วแต่ก็ไม่สามารถจะช่วยของเขาไว้ได้เธอเสียใจ เพื่อนที่เป็นแพทย์ด้วยกันจึงแนะนำเธอให้ไปพักผ่อน เคทจึงเลือกที่จะไปยังบ้านริมทะเลสาบ และความรักแสนโรแมนติกก็เริ่มต้นขึ้น    
                การดำเนินเรื่องใช้เทคนิคการตัดฉากสลับไปมา ระหว่างชีวิตของพระเอก กับชีวิตของนางเอก
ซึ่งอยู่ในคนละช่วงเวลา แต่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยผ่านสื่อกลางคือ ตู้รับจดหมายที่ตั้งอยู่หน้าบ้านริมทะเลสาบ เริ่มจากจดหมายฉบับแรกที่เคท ตั้งใจส่งถึงผู้ที่จะมาอาศัยต่อหลังจากที่เธอย้ายไปแล้ว  แต่ปรากฏว่า ผู้ที่ได้รับจดหมาย กลับเป็นคนที่อยู่ในอดีตของเธอย้อนไปสองปี ซึ่งเขาทั้งสองก็ต่างคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ แต่ความน่าเหลือเชื่อนั้นกลับกลายเป็นเรื่องที่น่าเชื่อถือขึ้นมาได้ เมื่อจากคำบอกเล่าของนางเอกว่า “ขอโทษผู้มาอยู่ใหม่
เกี่ยวกับรอยเท้าของสุนัขที่อยู่หน้าบ้านซึ่งในตอนแรกพระเอกไม่เห็นว่ามีปรากฏอยู่


จนในเวลาต่อมาเมื่อสุนัขซึ่งตอนหลังได้ชื่อว่า อเล็กซ์ ที่พลัดหลงมา ได้มาทำให้เกิดรอยเท้าที่เช็ดไม่ออก พระเอกจึงเริ่มเชื่อในสิ่งที่นางเอกพูดจนกระทั่งถึงฤดูหนาวนางเอกเตือนว่า จะเกิดโรคระบาดสายพันธุ์ใหม่ขึ้น และก็เป็นอย่างที่เธอพูด ทั้งสองคนจึงติดต่อกันผ่านทางจดหมาย เรื่อยมาจนเกิดความรักซึ่งกันและกัน พวกเขาจึงหนทางที่จะได้พบกัน เรื่องราวของความรักความโรแมนติกเกิดขึ้นไปพร้อมๆกับการดำเนินเรื่องที่ราบเรียบ แต่ด้วยผู้ที่ได้รับบทนำทั้งสอง ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดี จึงทำให้เป็นเสน่ห์และนำติดตามชม ตอนจบของเรื่องพวกเขาก็สามารถผ่านพ้นอุปสรรคแห่งห้วงเวลาจนได้พบกันในที่สุด
                The Lake House ตั้งชื่อเรื่องตามฉากนั่นคือ บ้านที่อยู่ริมทะเลสาบ ซึ่งใช้ฉากเหมาะสมกับหนังรักโรแมนติกกล่าวคือ ใช้ฉากที่เน้นเป็นบ้านที่มีบรรยากาศเป็นธรรมชาติเป็นทะเลสาปที่แสนสงบ เพื่อสื่อถึงความโรแมนติก อาจจะมีคนตั้งคำถามว่าทำไมจึงไม่ให้บ้านอยู่ในตัวเมืองหรืออยู่ที่ใดที่หนึ่งนอกจากริมทะเลสาบ ก็คงตอบได้ด้วยเหตุผลว่า ผู้สร้างต้องการให้หนังเรื่องนี้มีความสวยงามและความโรแมนติก



ความแปลกใหม่ในมิติของหนังต่างช่วงเวลา
                หนังเรื่องนี้มีช่วงเวลาห่างกัน 2 ปี ในขณะที่หนังเรื่องอื่นใช้ช่วงเวลาที่ต่างกันมาก และน่าแปลกที่คนที่อยู่กันคนละช่วงเวลาสามารถมาพบเจอกันได้โดยใช้จดหมายเป็นสื่อ การที่หนังเรื่องนี้ใช้ช่วงเวลาห่างกัน 2 ปี นอกจากแปลกใหม่แล้วยังทำให้เกิดข้อได้เปรียบต่อการดำเนินเรื่อง ความได้เปรียบที่ว่านี้ก็คือตัวละครสามารถกำหนดระยะเวลและวางแผนเพื่อที่ทั้งคู่จะสามารถพบกันได้ แต่มีข้อแม้ที่ต้องอาศัยการรอคอย ทำให้ความเหลือเชื่อกลายเป็นเรื่องที่น่าเชื่อขึ้นมาได้

 สิ่งที่ความห่างของระยะเวลาแค่ 2 ปี ยังทำให้นางเอกที่ไม่สามารถย้อนไปในอดีตได้ ได้กลับไปแก้ไขบางสิ่งโดยความช่วยเหลือของพระเอก เช่น ฉากที่นางเอกให้พระเอกช่วยเก็บหนังสือที่นางเอกลืมไว้ที่สถานีรถไฟแล้วขอให้พระเอกช่วยเก็บหนังสือเล่มนั้นไว้ให้ และอีกฉากหนึ่งซึ่งสำคัญที่เป็นจุดวิกฤติของหนังเรื่องนี้ คือฉากที่นางเอกระลึกได้ว่าผู้ชายที่ถูกรถชนเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เมื่อสองปีที่แล้วนั้นคือ อเล็กซ์ ไวท์เลอร์  บุคคลเดียวกับที่เคทได้ติดต่อและตกหลุมรัก  เธอส่งจดหมายไปบอกเขาว่าถ้ารักเธอ อย่าเพิ่งข้ามถนนมาหา ให้รอเธออยู่ตรงนั้น  แล้วเธอจะไปหาเขาที่บ้านริมทะเลสาบเอง  ซึ่งการแก้ไขของเคททำให้ในที่สุด เธอก็ได้พบอเล็กซ์ที่บ้านริมทะเลสาบ
ความขัดแย้งระหว่างตัวละครกับจิตใจของตนเอง
                เป็นเพราะพระเอกจะข้ามถนนเขาจึงต้องตายและไม่ได้พบกับนางเอก แต่เมื่อนางเอกบอกเขาว่าอย่าข้าม ให้รอเธอก่อน เขาได้ยกมือที่ถือจดหมายของเคทอยู่นั้นขึ้นมาและอ่านมันอีกครั้งที่ขอให้เขารอเธออีก 2 ปี และตัดสินใจที่จะเดินกลับไปยังทางเท้า แล้วแยกตัวเขาเองออกมาจากโชคชะตาเดิมของเขา ความขัดแย้งนี้นำไปสู่จุดที่คลี่คลายปมของเรื่อง ทำให้เขาได้ครองรักกับนางเอก อีกทั้งยังสามารถหลบหลีกการเสียชีวิตของตัวเองอีกด้วย

การใช้ตู้จดหมายเป็นตัวกลางที่ทำให้ทั้งสองได้มารู้จักกัน
                “จดหมาย” นับเป็นสื่อกลางที่ดีที่ใช้ในการถ่ายทอดเรื่องราวของความรัก ซึ่งปกติแล้วการเขียนจดหมายเราต้องรู้จักกับผู้หมยปลายทาง  แต่การเขียนจดหมายในเรื่องนี้เริ่มต้นจากการที่นางเอกต้องการทิ้งข้อความไว้ให้พระเอกเพื่อต้อนรับผู้อาศัยใหม่ที่มาอยู่บ้านที่ตนเคยอยู่
                จะเห็นได้ว่าตลอดทั้งเรื่องจะเป็นการโต้ตอบกันทางจดหมาย  รู้จักกันและเกิดความรักขึ้นโดยผ่านตัวหนังสือ  เหมือนกับการติดต่อกันในอดีต ดูได้จากหนังรักสมัยก่อน มีการจีบเกี้ยวพาราสีผ่านทางจดหมาย
                นอกจากนี้จดหมายยังแสดงถึงการรอคอย คอยการตอบหลับมาของอีกฝ่ายด้วยความมุ่งมั่นและผูกสายใยรักผ่านตัวอักษรที่ถ่ายทอดความรู้สึกของจิตใจ

                หากจะวิเคราะห์พฤติกรรมที่เคทกับอเล็กซ์สื่อสารผ่านทางจดหมายมาเปรียบเทียบกับการติดต่อสื่อสารในปัจจุบันเราก็จะนึกถึงการติดต่อผ่านการแชทคุยกัน ติดต่อกันผ่านทาง E-mail แม้จดหมายจะมีความเร็วไม่เท่าสื่อ Electronics เหล่านี้ แต่การติดต่อทั้งสองแบบนี้มีเหมือนๆกันก็คือ การแสดงออกผ่านตัวอักษรที่สามารถทำให้อีกฝ่ายจินตนาการได้ว่า เจ้าของสำนวนตัวอักษรเหล่านั้นมีลักษณะอย่างไร และความรักที่เกิดขึ้นผ่านการสื่อสารทางภาษาเขียน แม้ไม่เคยพบหน้ากันจึงไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อแต่อย่างใด เพราะเกิดขึ้นได้จริง

ดังที่ปรากฎในเรื่อง ทั้งจากข่าวของการพบรักผ่านสื่อ Electronics ที่เราเคยได้ยินกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเราจะเห็นในหนังรักหลายๆเรื่องที่จะใช้การสื่อสารผ่านจดหมายแทนการสื่อสารวิธีอื่นนั้นบอกได้ว่าการเขียนจดหมายถึงกันแสดงได้ถึงการเอาใจใส่ ความพยายาม อดทนรอคอย จึงทำให้หนังรักที่มีการติดต่อผ่านจดหมายสามารถเข้าถึงความรักและจริงใจที่ผู้สร้างต้องการสื่อออกมาแก่ผู้ชม 




                ท้ายที่สุดแล้ว
The Lake House ได้ฝากแง่มุมความคิดเกี่ยวกับความรักให้เราได้รู้ว่าความรักนั้นมีอิทธิพลมากเพียงใด  สามารถทำให้เกิดความหวังและเป็นแรงบันดาลทำให้เกิดสิ่งต่างๆได้ ทำให้สามารถ
รอคอย อดทนและข้ามพ้นอุปสรรค  หากเรามีความเชื่อมั่นในความรัก
                แม้เวลาคือสิ่งที่มนุษย์คิดขึ้นมาเพื่อกำหนดกรอบชีวิตของตนเองแต่มนุษย์ไม่สามารถหยุดหรือย้อนเวลาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่บ้านทะเลสาบแห่งนี้ได้มอบให้แก่เราทุกคนคือความรักที่มีกฎของกาลเวลาไม่สามารถขวางกั้น